DePIN พบ DeFi: Aethir x Pendle

การรวมกันที่รอคอยมานาน

ผมติดตามวิวัฒนาการของ DeFi มาหลายปี จากโปรโตคอลให้กู้ยืมพื้นฐาน สู่ระบบที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง แต่จนถึงตอนนี้ สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปคือโครงสร้างพื้นฐานจริงในโลกแห่งความเป็นจริง เข้ามาสู่ Aethir และ Pendle การร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่แค่พาร์ทเนอร์ชิป — มันคือการเปลี่ยนมุมมองหลัก

โดยการผสาน eATH (โทเคนลอยตัวของ Aethir) เข้ากับกรอบการซื้อขายผลตอบแทนของ Pendle พวกเขาได้สร้างสรรค์สิ่งที่หายาก: เมฆ GPU โดยไม่มีศูนย์กลางในรูปแบบทางการเงิน หากไม่ทราบ eATH เป็นโทเคนที่ถูกแชร์จาก ATH โดยใช้งาน EigenLayer (เดิมชื่อ EigenCloud) แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แค่อัตราผลตอบแทนเท่านั้น มันกลายเป็นคลาสทรัพยากรใหม่

PT-eATH & YT-eATH: อุปมาความสมดุลของการผลิตผลตอบแทน

ตรงจุดสำคัญเริ่มต้นขึ้นมานะครับ — และแทบจะเรียกว่าเป็นภาพวาดเชิงกวี

PT-eATH เป็นโทเคน หลัก โดยอิงจาก ATH ที่ถูกแชร์ไว้อย่างปลอดภัย มีราคาลดลงเมื่อเทียบกับตลาด หากคุณเชื่อมั่นใน Aethir ในระยะยาวแต่อยากเข้าถึงโดยไม่มีการล็อกทรัพยากรวันนี้? ก็คงต้องเลือกทางเลือกแบบนี้

YT-eATH? มันคือกระแสรายได้อาจเกิดในอนาคต มันทำให้คุณสามารถขายผลตอบแทน ที่จะมาถึง ในวันเดียวกันได้ — เหมาะสำหรับการประกันความเสี่ยงหรือปรับสมดุลพอร์ตโฟลิโอในตลาดผันผวน

เมื่อนำมาประกอบกัน จะเกิด SY-eATH: สินทรัพย์สภาพคล่องจำลองโดยตรงเข้าสู่ระบบ AMM ของ Pendle เช่นเดียวกับการทำเหมืองทองคำแต่มีการทำธุรกรรมฟิวเจอร์สเพื่อขายออกได้อย่างรวดเร็ว

การวางกลยุทธ์: จากวงจรหมุนเวียนไปจนถึงประกันความเสี่ยง

อะไรทำให้มันทรงพลังมาก? พลังในการปรับเปลี่ยนได้ง่าย circular loop strategy เพียงแค่นำ PT-eATH และ YT-eATH มาหมุนคราวละรอบ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนเมื่อมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม ไม่มากเกินไปหรอกนะ — เพราะบางอย่างอาจยากเกินไปสำหรับใครหลายคน? แต่อย่าลืม… หากคุณพร้อมเผชิญความซับซ้อน (และผมเองเคยเขียนโค๊ด Python ในตอนดึกระหว่างตลาดตก) ผมเชื่อว่าตรงจุดเหล่านี้แหละคือ ‘แอลฟา’

นอกจากวงจรแล้ว ก็มี yield คงที่: เข้ารหัสใดๆ ก่อนกำหนด เพื่อรักษาผลตอบแทนคาดหวังไว้อย่างแน่นอน และสามารถใช้ YT-eATH เป็นประกันความเสี่ยงจากอัตราการใช้งานเครือข่ายที่ผิดพลาด ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยง (โดยเฉพาะเรื่องอัตราการใช้งาน ATH) — เราจึงควรประเมินความไม่แน่นอนด้วยโมเดลอย่างละเอียดมากกว่าคำแนะนำจากใจกลาง certainly, as someone who once wrote Python scripts at 3am during market crashes… I respect nuance over noise.

เหตุใดจึงสำคัญนอกเหนือจากการตามหาผลตอบแทน?

ขอชัดเจนคร่าวๆ: สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่อัตราผลตอบแทนเยอะๆ หรือน้ำตาลอ่อน ๆ จาก APY แต่มันคือโครงสร้างพื้นฐานระดับสถาบันรวมเข้ากับ DeFi ใน API เดียว การนำ GPU compute โดยเฉพาะระดับองค์กรอย่าง Aethir มาอยู่ใน DeFi โดยตนเอง? สัญญาณแห่ง成熟ภาพรวมกำลังปรากฏออกมา เราไม่อีกแล้วกำลังสร้างโซนมายากลำบากแยกจากกัน; เราพยายามประสานโหนด, สินทรัพยากร, อัตราผลตอบแทน, และกองเงินสภาพคล่องเข้าไว้อาจเป็นแผ่นผืนใหญ่อย่างหนึ่งในการสร้างมูลค่า Web3 eATH on Pendle พิสูจน์แล้วว่า ‘ทรัพยากรโลกแห่งความจริง’ (real-world assets) ไม่อีกเป็นแนวโน้มนามธรรม — มันสามารถแบ่งแยก, เปลียนสภาพ, เปลืองแรงงาน, และแม้นำมาประกัยเหมือนเครื่องหมายทางการเงินชนิดใดๆ ก็ได้

มุมมองสุดท้าย: การปฏิวัติต้นกำเนิดเริ่มน้ำไหลลงไหลแล้ว

ผมเห็นโครงการ ‘เปลี่ยนมุมมอง’ มาหลายโปรเจ็กต์จบลงหลังฮypeหมดหายไป แต่วางใจเถอะ… ผมเชื่อมโยงคราว nàyคงอยู่ เพราะแก้ปัญหาจริง: ราคาในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานเคยแพงมาก — both in money and operations. ตอนเนี้ยะ? คนธรรมดาสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ เช่น PT-ETH เปิดโอกาสใหม่อย่างแท้มวลชนหรือขายกำไรอนาคตอย่างรวดเร็วด้านYT-ETH. โอกาสแบบไหนจะเปลี่ยนมุมมองโลกใบนี้? certainly like how Bitcoin made money borderless decades ago… only this time it’s about compute. The era of programmable infrastructure has begun.