ทำไม Rollups ต้องการชั้นข้อมูลที่พร้อมใช้งาน

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ปัญหา three-way ของ Ethereum ในการปรับสมดุลระหว่างการกระจายอำนาจ ความปลอดภัย และปริมาณงาน เป็นหัวข้อหลักในการอภิปราย วิธีแก้ปัญหาของชุมชนคือการใช้แนวทาง rollup-centric แต่มีข้อแม้: Rollups ส่วนใหญ่พึ่งพา Ethereum เป็นชั้นข้อมูลที่พร้อมใช้งาน (DA) อย่างมาก หากไม่มี DA Rollups จะสูญเสียการรับรองความสมบูรณ์ของการดำเนินการและความสามารถในการกู้คืนของผู้ใช้

ปัญหาของ Calldata

ปัจจุบัน Rollups ใช้ calldata ของ Ethereum สำหรับ DA แต่มีค่าใช้จ่ายสูง—ใช้ค่า gas ประมาณ 80% ของค่าธรรมเนียม gas ของผู้ให้บริการ Rollup นี่คือที่มาของ EIP-4844 หรือ Proto-Danksharding อัพเกรดนี้แนะนำ ธุรกรรม Blob ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ DA ไม่เหมือนกับ calldata Blob มีราคาถูกกว่าเพราะไม่สามารถดำเนินการโดยสัญญาอัจฉริยะได้—พวกมันมีไว้สำหรับการเก็บข้อมูลเท่านั้น

Blob ทำงานอย่างไร

• การเก็บข้อมูลชั่วคราว: Blob จะคงอยู่ประมาณ 18 วัน (4096 epochs) ซึ่งนานพอสำหรับผู้ตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อมูล
• ตลาดค่าธรรมเนียมแยกต่างหาก: ราคา gas ของ Blob ทำงานแยกจาก gas การดำเนินการ ช่วยป้องกัน Rollups จากภาวะแออัดของ L1
• KZG Commitments: แต่ละ Blob มี cryptographic commitment สำหรับการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมด

การปรับตัวของ Scroll สู่ EIP-4844

ในฐานะ zkRollup เดิม Scroll ยืนยันธุรกรรมแบบกลุ่มผ่าน calldata หลัง EIP-4844 มันเปลี่ยนมาใช้ Blob ลดต้นทุนในขณะที่ยังคงรักษาความปลอดไว้ วงจร PI—ส่วนสำคัญในระบบพิสูจน์ของ Scroll—ตอนนี้ตรวจสอบความสอดคล้องของ Blob โดยใช้การประเมินพหุนามบนเส้นโค้ง elliptic (BLS12-381 เทียบกับ BN254) การทดสอบแนวคิดทำได้ด้วยวงจรประมาณ 28M constraints ใช้เวลา 139 วินาทีต่อการพิสูจน์บน M1 MacBook Pro

อะไรต่อไป? Danksharding

Proto-Danksharding เป็นเพียงจุดเริ่มต้น อัพเกรดเต็มรูปแบบ Danksharding จะแนะนำ data availability sampling (DAS) ทำให้โหนดสามารถตรวจสอบชุดข้อมูลขนาดใหญ่โดยไม่ต้องดาวน์โหลดทั้งบล็อก นึกภาพว่าเป็นการตรวจสอบ DA แบบ crowd-sourced—เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับการขยายขนาด

ความคิดสุดท้าย: ในขณะที่ EIP-4844 เป็นก้าวกระโดด แต่ความจุของ Blob ในปัจจุบัน (~100 TPS ทุก Rollup) ยังคงจำกัด จนกว่า Danksharding จะมาถึง Rollups จะต้องปรับสมดุลระหว่างประสิทธิภาพด้านต้นทุนกับการสันนิษฐานความเชื่อถือเพิ่มเติม