การจัดระเบียบคริปโตทั่งโลก

การปฏิวัติเงียบในตัวตนดิจิทัล

ฉันไม่ตามเทรนด์ ฉันติดตามแฮช เมื่อเวลาสองทุ่มกว่า สหรัฐอังกฤษหลับไหล ฉันสังเกตสัญญาณการควบคุมจาก 17 เขต jurisdiction นี่ไม่ใช่การเดา—นี่คือหลักฐานทางนิติเวช เรื่องจริงไม่อยู่ที่การห้ามหรือรับรองคริปโต—แต่อยู่ที่ว่าตัวตนทางกฎหมายถูกกำหนดใหม่โดยรหัส

MiCA: มาตรฐานใหม่

MiCA ของสหภาพยุโรปไม่ได้แค่ควบคุมสินทรัพย์—มันได้กำหนดบทบาททางรัฐธรรมนูญใหม่ สกุลเงินคงที่อย่าง USDC และ EURC ตอนนี้มีหลักฐานการสำรองแบบ 1:1 โดยตรวจสอบรายเดือน—not quarterly token ที่ไม่มีใบอนุญาตอย่าง USDT เพิกถอนออกจากตลาดยุโรปเมื่อเดือนมิถุนา—notเพราะการเมือง—but เพราะรหัส

ฮ่องกง: พื้นที่เทาๆ

SFC ไม่มอง BTC เป็น “เงิน”—แต่มองว่าเป็น “สินทรัพย์ดิจิตอล” แต่อนุมาน ETF Bitcoin ในปี 2024—เพราะสามารถเก็บภาษีได้ ฮ่องกงทำงานในพื้นที่ขอบระหว่างห้ามและอนุมาน: การแลกซ์แลกเกอร์ให้นักลงทุนรายย่อยภายใต้ AML/KYC เข้มงวด—แต่มันไม่ใช่งานธนาคาร

สหรัฐอเมริกา: พรมแดนแตกหัก

SEC มอง NFT เป็นหลักทรัพย์เมื่อมันสื่อถึงดอกเบี้ย—เพราะกฎหมายตามหน้าที่ มิใช่อารมณ์ BitLicense ในนิวยอร์ก? เป็นผ้าคละผืนจากความเงียบระดับชาติ ไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นไปตามกฎจนกระเป๋าของคุณเชื่อมโยงกับผู้ตรวจสอบบนบล็อกเชน—แล้วคุณจะรู้เอง

สวิตเซอร์แลนครับดูไบ:สถาปนายกรแห่งหมวดหมู่

FINMA 不ควบคุมเหรียญ—มันจัดหมวดหมู่โทเค็นตามหน้าที่: ชำระ?หน้าที่? สินทรัพย์? Dubai’s VARA ก้าวล้ำกว่านี้—บังคับควบคุมระยะขอบสำหรับผู้ลงทุนรายย่อยและห้าม stablecoin อัลกอรึธึมโดยตรง d้านเหล่านี้ไม่ใช่นโยบาย—they’re ontologies เขียนไว้ในกฎระเบียบ

เหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญสำหรับคุณ?

หากคุณเข้าใจว่าคริปโตเกี่ยวข้องกับเงิน—that’s why you lose. แต่มันเกี่ยวข้องกับตัวตน: สทธิดในการเป็นเจ้าของ, sทธิดในการโอน, sทธิดในการพิสูจนบนบล็อกเชน。 MiCA มิตได้สร้างตลาด—itได้สร้างศูนมูลแห่งกฎหมายสำหรับตัวตน Web3. และเรา—all still learning the language.