ทรัมป์ vs โพว์เวลล์: สงครามดอกเบี้ย 8 แสนล้าน

การบ่นเรื่องอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่

อย่าปฏิเสธ: เมื่อทรัมป์ทวีตเกี่ยวกับโพว์เวลล์เหมือนเรียกให้ช่วยในร้านขายของใกล้บ้าน มันไม่ใช่แค่การแสดงละคร มันคือสัญญาณว่าหน้าต่างหนี้ของสหรัฐฯ เสียงดังกว่าเตือนปลุกตอนเช้า เขาบอกว่ายุโรปลดดอกเบี้ยแล้ว 10 ครั้ง ในขณะที่เราไม่เคยทำ และถ้าลดลง 2-3% เราจะประหยัดได้ถึง 800 พันล้านดอลลาร์ต่อปี เงินจำนวนนี้ไม่ได้ออกมาจากอากาศ มันคือเลขคณิตที่เย็นชาและชัดเจน

‘ลดดอกเบี้ย’ หมายถึงอะไร?

ลองจินตนาการว่าสมุดบัญชีผ่อนบ้านคุณอยู่ที่ 7% หากลดเหลือเพียง 4% อัตราจ่ายเดือนละจะลดลงเกือบหนึ่งในสาม เมื่อนำมาคูณกับหนี้สาธารณะหลายตรึงดอลลาร์ ก็เห็นผลจริงๆ แต่ตรงนี้แหละที่เริ่มร้อนแรง: อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่แค่เลขบนแผนภูมิ มันคือก้านควบคุม และเมื่อนักการเมืองเริ่มผลักเพื่อผลประโยชน์ทางการเลือกตั้ง เราจะไม่ได้เห็นความรับผิดชอบทางการคลัง… เราจะเจอฝันร้ายเงินเฟ้อแทน

การเดินบนเส้นเชือกของเฟด

โพว์เวลล์ไม่ได้เล่นเกม มันคือการเดินบนเส้นเชือกที่คมมากระหว่างควบคุมเงินเฟ้อและการชะลอเศรษฐกิจ เห็นได้ว่าเงินเฟ้อกำลังชะลอลงแต่วางงานในภาคสำคัญยังขึ้นสูง และ PCE พื้นฐานยังคงลอยเหนือเป้าหมายไว้อยู่ การลดดอกเบี้ยก่อนเวลา? มันเหมือนเทน้ำมันใส่มหาไฟที่เราคิดว่าดับแล้ว—แต่มันกลับแพร่งออกมาใหม่อีกครั้ง และขอหยิบแนวคิดจากโลกคริปโตมาฝาก: หากบิตคอยน์เป็นประเทศหนึ่ง อัตราเงินเฟ้อจะหักลงครึ่งหนึ่งทุกๆ สี่ปี—but even then,ตลาด panic เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคาดหวังอย่างรวดเร็ว

เหตุผลทำไมเรื่องนี้สำคัญต่อคุณ (แม้มองไม่มีหุ้น)

เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าแค่วาฬตลาดหรือนักการเมือง Washington เพียงอย่างเดียว เมื่ออัตราดอกเบี้ยวิปริตขึ้นหรือลง มันกระทบโดยตรงถึง:

• การผ่อนชำระบ้าน
• สินเชื่อบาน้ำมัน
• อัตรา APR จากบัตรเครดิต
• อัตราผลตอบแทนกองทุนอนามัย
• และแน่นอน—ราคาในการเก็บ NFT เพราะต้นทุนเงินกู้สูงขึ้น เมื่อทรัมป์พูดถึง ‘ควรลดดอกเบี้ย’ เขาไม่ได้มองแผ่นงานคำนวณ—he เปิดประตูสู่ความกลัวของประชาชนเกี่ยวกับราคาแพงและความเติบโตของเศรษฐกิจ calculator. แต่อยากบอกตรงๆ: การกดดันทางการเมืองให้มีธนาคารกลางเสียความไว้วางใจ และความไว้วางใจ? เป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจใดๆ — จะเป็น DeFi ก็ตามหรือพันธบัตรบาทหลักเลย ก็ตาม calculator.

สอนจากอดีตกาลบ้างไหม?

ตอนผมศึกษา DAOs เวลาก่อนซึ่งโครงสร้างบริหารงานแปรผวน? ผมจำกฎข้อหนึ่งไว้อย่างชัดเจน: อย่ายอมให้อารมณ์นำพาการปรับโปรโต콜 โดยเฉพาะจากคนที่ตะโกนในสายฟ้าในตอนสามโมืน calculator. เหมือนเดียวกับตรงนี้: การตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล > สโลแกนคราฟจากทวิตเตอร์ calculator. ผมยอมรับ—ผมชอบความผันผวนของตลาดเท่าไหร่อยากใครๆ (เพราะทำให้นักฟังพอดแคสต์สนใจ)แต่ว่า เมื่อการกำหนดนโยบายถูกขับเคลื่อนโดยคะแนนสำรวจมากกว่าวิกฤตข้อมูล? ก็กลายเป็นความเสี่ยงระดับระบบไปแล้ว calculator. ใช่มากกว่านะ—หากลดดอกเบี้ยก็ดูดีในเชิงภาพรวมแต่มากกว่านะ หากทำแล้วปล่อยให้มีวงจรเงินเฟ้อใหม่อีกรอบจนทำลายกำไรจากการประหยัดภายในหกเดือน? ก็ไร้ประโยชน์ calculator. เราจำเป็นนโยบายฉลาด—not just tweets เสียงดัง