NEAR ลดอัตราเงินเฟ้อ

H1: การปรับใหม่อัตราเงินเฟ้อของ NEAR – เกมของตัวเลขและความหมาย

ชุมชน NEAR Protocol กำลังลงคะแนนเสียงในเรื่องสำคัญ: การลดอัตราเงินเฟ้อรายปีคงที่จาก 5% เหลือ 2.5% โดยถูกต้องแล้ว—ลดลงครึ่งหนึ่งของค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม ก่อนจะสูญเสียความสนใจไป เพราะนี่ไม่ใช่แค่การแก้ไขแผ่นงาน มันเป็นจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในโครงสร้างการกำกับดูแลคริปโต

ผมเฝ้าสังเกตพื้นที่นี้มาตั้งแต่ปี 2019 เมื่อ testnet เริ่มเปิดให้ใช้งานแบบไม่มีคำเชิญ ผมเห็นว่าเงินเฟ้อสูงเคยถูกมองว่าเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเติบโตและการกระจายสภาพคล่อง ในขณะที่ตอนนี้เรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงอายุที่สุกงอม

ข้อเสนอฉบับนี้จะดำเนินจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2025 —หรือจนกว่าจะได้รับเสียงเห็นชอบจากสองในสามของเหรียญ NEAR ที่ถูกฝากไว้ หากผู้ตรวจสอบ (validators) และผู้ถือรายเล็กสนับสนุนมันอย่างมาก (ซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้น) เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในโมเดลเศรษฐกิจของ NEAR ในรอบหลายปี

H2: เหตุใดจึงสำคัญกว่าที่คิด?

ขอพูดตรงๆ: หากคุณถือเหรียญ NEAR เพราะได้ยินว่า ‘เร็วและราคาถูก’ โดยไม่เข้าใจกลไกเงินเฟ้อ…คุณกำลังเล่น Texas Hold’em โดยไม่มองหน้าจอ

เงินเฟ้อส่งผลโดยตรงกับทุกด้าน—ความเชื่อมั่นในมูลค่าเหรียญ, อัตราผลตอบแทนจากการฝาก, สภาพความปลอดภัยของเครือข่าย และแม้กระทั่งแรงจูงใจให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชัน มูลค่า ~5% ส่งเสริมผู้ฝากอย่างมากแต่มีแนวโน้มทำให้มูลค่าย่อยเร็วขึ้น

หากลดเหลือ 2.5% จะหมายถึงกระบวนการละลายช้าลง และอาจทำให้มูลค่ายืนยาวได้ง่ายขึ้นหลังเหตุการณ์ปลดล็อกส่วนแบ่ง

เหมือนปรับการทำงานเครื่องยนต์ระหว่างทางเดินรถ มันไม่มีผลต่อปลายทาง…แต่มันทำให้วิ่งราบรื่นมากกว่าเดิม

และตรงไหนที่เจ๋งจริงๆ? ความยืดหยุ่น —ข้อเสนออนุญาตให้มีการปรับเปลี่ยนคราวหลังตามสภาวะเครือข่ายหรือตลาดจริง เป็นเรื่องหายากและสดใหม่อย่างแท้จริงในโลกคริปโตที่ชอบกฎเกณฑ์ตายตัวเสมอๆ

H3: พฤติกรรมผู้ฝาก – อัตราเงินเฟ้อมากกว่าน้อย = ก็ดีหรือไม่วะ?

มาถึงจุดโปรดของผม—บทพลิกกลับเหนือคาดหมายที่ใครๆ ก็ไม่อยากพูดถึง even if inflation is lower, it doesn’t automatically mean higher returns for stakers today. In fact? It might slightly reduce yields in the short term because fewer new tokens are minted per block. But here’s the kicker: stability attracts institutional players. And institutions don’t play poker—they play chess. A predictable token supply curve reduces volatility risk—making NEAR more palatable for ETFs or custody solutions down the line. So while your daily yield might dip by half-a-percent point… your long-term holding becomes less risky overall. This is where effective altruism meets crypto economics—at least in my mind. We’re not just building protocols—we’re designing systems that can sustain human trust across decades, not just quarterly reports.

H4: สู่อนาคต – การทดสอบแท้จริงไม่ใช่วอร์ดโหวตก็คือ Adoption Let me drop some truth bombs: The real question isn’t whether we cut inflation—it’s whether people believe in what comes after it. When you reduce inflations rates by half… do developers build faster? Enterprises adopt sooner? The ecosystem grow organically—or does it stall under perceived scarcity? That said… I’m betting on flexibility being key here. Unlike Ethereum or Solana (both frozen in their own models), NEAR is proving it can evolve without breaking consensus—exactly what makes DeFi resilient over time. If this passes—and I suspect it will—it won’t be magic overnight. But over three years? We could see stronger capital efficiency across apps built on NEAR—from cross-chain bridges to identity dApps running smooth as silk on Nightshade sharding nodes (yes, I’m still obsessed). Stay sharp out there—this vote matters more than most people think.